รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไปทำงานสายบ่อยครั้งและขาดงานบ่อย

การที่ลูกจ้างมาทำงานสายหรือขาดงานบ่อย ๆ เป็นสิ่งที่นายจ้างไม่พึงปรารถนา เนื่องจากทำให้นายจ้างได้รับผลงานจากลูกจ้างไม่เต็มที่ และบางครั้งอาจทำให้การทำงานอื่นเสียหายไปด้วย หากการทำงานในส่วนของลูกจ้างไปเกี่ยวข้องกับงานส่วนอื่น ๆ ที่เป็นกระบวนการผลิต ดังนั้น จึงมักเกิดกรณีที่นายจ้างจำเป็นต้องตักเตือนหรือถึงขนาดเลิกจ้างเลยก็มี ความจริงในปัญหาดังกล่าวหากสามารถเจรจาตกลงกันได้ก็ดี เพราะบางครั้งลูกจ้างอาจมีเหตุจำเป็นในบางช่วงเวลา ทำให้ต้องมาทำงานสายหรือขาดงานไป แต่หากตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องเป็นข้อพิพาทกันถึงศาล ดังเช่นคดีข้างล่างนี้ อย่างไรก็ดีในกรณีหากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น นายจ้างน่าจะใช้วิธีที่กฎหมายได้กำหนดไว้เพื่อป้องกันปัญหาการโต้แย้งกันน่าจะเหมาะสมกว่า

เรื่องเกิดขึ้นเนื่องจากลูกจ้างได้ยื่นฟ้องนายจ้างต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เป็นลูกจ้างเข้าทำงานเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2545 ครั้งสุดท้ายทำงานในตำแหน่งช่างพิมพ์ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 16,500 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2546 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน เป็นเงิน 16,500 บาท และมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 38 วัน เป็นเงิน 20,900 บาท โจทก์ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 20,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และจ่ายค่าชดเชย 16,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2546 เนื่องจากโจทก์มาทำงานสายบ่อยครั้ง โจทก์ลากิจเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2546 หลังจากนั้นขาดงานในวันที่ 23 เมษายน 2546 โดยไม่ยื่นใบลาให้ถูกต้อง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์และในระหว่างทำงานโจทก์ทำงานมีผลงานไม่ดี ต่ำกว่าเกณฑ์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมีวันทำงานระหว่างวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลาทำงานระหว่าง 08.30 นาฬิกา ถึง 18.30 นาฬิกา มีวันหยุดประจำสัปดาห์คือวันอาทิตย์และวันเสาร์เว้นเสาร์ มีระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการลากิจว่า จะต้องยื่นใบลาตามแบบฟอร์มที่จำเลยกำหนดไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการลา ในระหว่างการทำงานกับจำเลย โจทก์มาสายบ่อยครั้งและขาดงานเป็นระยะ ๆ ในเดือนมีนาคม 2546 โจทก์มาทำงานสาย 5 ครั้งขาดงาน 2 วัน การกระทำดังกล่าวจำเลยเห็นว่าโจทก์ ละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายเป็นอาจิณ และกระทำการอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ทั้งในวันที่ 23 เมษายน 2546 ซึ่งเป็นวันทำงานโจทก์ไม่ไปทำงาน โจทก์หยุดงานไปทำธุระส่วนตัวโดยไม่ได้ยื่นใบลาให้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583 โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม แม้ในระหว่างการทำงานโจทก์จะมาสายบ่อยครั้งและขาดงานเป็นระยะ แต่ก็ไม่ปรากฏว่าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่จำเลย ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างกรณีร้ายแรง จำเลยมีสิทธิลงโทษทางวินัย เช่น ตักเตือนเป็นหนังสือได้ แต่จำเลยไม่เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือ การละทิ้งหน้าที่ของโจทก์ในวันที่ 23 เมษายน 2546 เป็นการละทิ้งหน้าที่เพียงวันเดียว ไม่เป็นการละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) และ(5) จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์และต้องเสียดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดคือตั้งแต่วันเลิกจ้างในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่โจทก์ขอดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจึงกำหนดให้ตามที่โจทก์ขอ ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 16,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว วินิจฉัยว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การที่โจทก์มาทำงานสายบ่อยครั้งและหยุดงานโดยไม่ได้ลาล่วงหน้า เป็นการจงใจทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหาย เพราะการทำงานของพนักงานต้องทำงานร่วมกั้นเป็นชุด เป็นทีม การมาทำงานสายและการหยุดงานของพนักงานมีผลกระทบต่อกระบวนการผลิต ทำให้งานล่าช้าและได้ผลงานน้อยกว่าที่ควรจะเป็นนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า จำเลยมิได้ให้การว่าการทำงานสายและการขาดงานของโจทก์เป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลแรงงานกลาง ทั้งไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ตักเตือนว่ากล่าวโจทก์ในเรื่องการมาทำงานสายและหยุดงานโดยไม่ได้ลาล่วงหน้ามาแล้วหลายครั้ง แต่โจทก์เพิกเฉย จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง ซี่งรับฟังว่าจำเลยไม่เคยตักเตือนโจทก์เป็นหนังสือเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเช่นเดียวกัน

คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยประการเดียวว่า จำเลยจะต้องเสียดอกเบี้ยเงินค่าชดเชยในระหว่างผิดนัยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีหรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคแรก บัญญัติว่า “ในกรณีที่นายจ้างไม่คืนเงินประกันตามมาตรา 10 วรรคสอง หรือไม่จ่ายค่าจ้าง…หรือค่าชดเชยตามมาตรา 118 … ให้นายจ้างเสียดอกเบี้ยให้ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละสิบห้าต่อปี” ดังนั้น ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินค่าชดเชยในระหว่างผิดนัดให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงถูกต้องตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2548)

เห็นไหมครับว่า….คดีข้างต้นเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่ต้องเสียเวลาในการพิพาทโต้แย้งกันเกือบ 2 ปี นับได้ว่าเป็นการสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนึ่ง มาช่วยกันคิดดีไหมว่า เราจะช่วยกันอย่างไรไม่ให้คดีดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือมีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนทำอย่างไรให้การดำเนินคดีกระชับและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่ลูกจ้างและนายจ้างมากกว่า

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ
  2. โปรดอย่าก้าวก่ายสิทธิผู้อื่น โดยการเข้ามาโฆษณาสินค้าใน blog นี้ครับ หากต้องการโฆษณา กรุณาติดต่อเสียค่าใช้จ่ายให้เจ้าของก่อน

    ตอบลบ