รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

“เวลาพัก” หรือ “เลิกงาน”

เรื่องเกี่ยวกับการจัดเวลาพักในระหว่างการทำงานเป็นเรื่องเบา ๆ แต่ก็มีแง่คิดที่น่าสนใจที่ไม่น้อยทีเดียว ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เคยมีการพิพาทกันมาแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง คุ้มครองแรงงาน ฉบับลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2515 ที่ออกตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ฉบับลงวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2515

เรื่องมีอยู่ว่า ลูกจ้างจำนวน 83 คนได้ยื่นฟ้องนายจ้างต่อศาลแรงงานกลาง และศาลแรงงานกลางได้มีคำสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยเรียกโจทก์ว่า โจทก์ที่ 1 ถึง ที่ 83 โดยโจทก์ทั้ง 83 คนฟ้องว่า โจทก์ทั้ง 83 คนเป็นพนักงานของจำเลยประจำฝ่ายโรงงาน มีเวลาทำงานปกติตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ โดยแบ่งเป็น 3 ผลัด

- ผลัดที่ 1 ตั้งแต่เวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 15.30 นาฬิกา

- ผลัดที่ 2 ตั้งแต่เวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 23.30 นาฬิกา

- ผลัดที่ 3 ตั้งแต่เวลา 23.30 นาฬิกา ถึง 07.30 นาฬิกา

โดยจำเลยกำหนดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป และมีวันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ แต่ปรากฏว่า จำเลยได้กำหนดเวลาพักในระหว่างการทำงานแต่ละวัน(ผลัด) โดยกำหนดให้พักวันละครึ่งชั่วโมง เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 27 ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างในการทำงานในเวลาพักครึ่งชั่วโมงให้แก่โจทก์ทั้ง 83 คน ตั้งแต่ทำงานกับจำเลยพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย และให้จำเลยจัดให้มีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงตามกฎหมาย

จำเลยให้การว่า จำเลยได้จัดเวลาพักให้โจทก์ทั้ง 83 คน ชอบด้วยกฎหมายแล้ว กล่าวคือ เวลาทำงานปกติปัจจุบันของฝ่ายโรงงานแบ่งออกเป็น 3 ผลัดคือ ผลัดที่หนึ่ง เวลา 7.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา ผลัดที่สอง เวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬิกา ผลัดที่สาม เวลา 23.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา ในแต่ละวันเป็นเวลาทำงาน 7 ชั่วโมงครึ่ง และมีเวลาพัก 1 ชั่วโมง โดยแบ่งเวลาพักเป็น 2 ช่วง ช่วงละครึ่งชั่วโมง ช่วงแรกเมื่อเข้าทำงาน 4 ชั่วโมงและช่วงหลังคือก่อนเลิกงานครึ่งชั่วโมง จำเลยอนุญาตให้ตอกบัตรลงเวลากลับบ้านก่อนได้ การทำงานตามเวลาดังกล่าวโจทก์ทั้ง 83 คน ได้รับค่าจ้างครบถ้วนถูกต้องและเป็นธรรม โจทก์ทั้ง 83 คนไม่เคยโต้แย้งหรือทักท้วง เมื่อมีสหภาพแรงงาน สหภาพแรงงานไม่ได้คัดค้านหรือโต้แย้งเรื่องเวลาทำงาน เพิ่งมีหนังสือถึงจำเลยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2545 ที่จำเลยมีหนังสือเชิญประธานสหภาพแรงงานเพื่อมาประชุมตกลงในเรื่องดังกล่าว แต่มีการเลื่อนการประชุม ในที่สุดมีการฟ้องคดีนี้ จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 27 ขอให้ศาลแรงงานกลางยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์ทั้ง 83 คน

โจทก์ทั้ง 83 คนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีนี้ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ทั้ง 83 คนเป็นลูกจ้างของจำเลยประจำฝ่ายโรงงาน วันทำงานปกติคือวันจันทร์ถึงวันเสาร์ และวันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ การทำงานแบ่งออกเป็น 3 กะ เป็นเวลาทำงานกะละ 7 ชั่วโมงครึ่ง การเข้าและออกจากกะต้องตอกบัตรลงเวลาทำงาน กะเช้าทำงานระหว่างเวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา กะบ่ายทำงานระหว่างเวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬิกา กะดึกทำงานระหว่าเวลา 23.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา กะเช้าพักช่วงแรกระหว่างเวลา 11.00 นาฬิกา ถึง 12.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที และช่วงที่ 2 เวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา อีก 30 นาที กะบ่ายช่วงแรกพักระหว่างเวลา 19.00 นาฬิกา ถึง 20.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที และช่วงที่ 2 เวลา 23.30 นาฬิกา ถึง24.00 นาฬิกา อีก 30 นาที กะดึกช่วงแรกพักระหว่างเวลา 03.00 นาฬิกา ถึง 04.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที และช่วงที่ 2 เวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา อีก 30 นาที คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้ง 83 คนว่า จำเลยจัดเวลาพักให้โจทก์ทั้ง 83 คน ชอบด้วยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 27 หรือไม่ และโจทก์ทั้ง 83 คนมีสิทธิได้ค่าจ้างในเวลาพักหรือไม่ เพียงใด โดยโจทก์ทั้ง 83 คนอุทธรณ์ว่า เวลาพักครึ่งชั่วโมงหลังที่จำเลยให้โจทก์ดังกล่าวกลับบ้านได้ก่อนเวลาเลิกงานไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ถือเป็นเวลาพักนั้น

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 27 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “ ในวันที่มีการทำงาน ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงาน วันหนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากลูกจ้างทำงานมาแล้วไม่เกินห้าชั่วโมงติดต่อกัน นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้มีเวลาพักครั้งหนึ่งน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงได้ เมื่อรวมกันแล้ววันหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง” คดีนี้จำเลยกำหนดเวลาทำงานเป็น 3 กะ กะเช้าตั้งแต่เวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา กะบ่ายเวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬิกา และกะดึกเวลา 23.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา โดยกำหนดเวลาพักในแต่ละกะเป็น 2 ช่วง สำหรับกะเช้าพักช่วงแรกเวลา 11.00 นาฬิกา ถึง 12.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที ช่วงที่ 2 เวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา กะบ่ายพักช่วงแรกเวลา 19.00 นาฬิกา ถึง 20.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที และช่วงที่ 2 เวลา 23.30 นาฬิกา ถึง24.00 นาฬิกา อีก 30 นาที กะดึกพักช่วงแรกเวลา 03.00 นาฬิกา ถึง 04.00 นาฬิกา โดยหัวหน้าแผนกเป็นผู้จัดแบ่งพนักงานให้ผลัดกันพักคนละ 30 นาที และช่วงที่ 2 เวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จำเลยได้กำหนดให้การทำงานในกะเช้ามีเวลาทำงานจนถึงเวลา 16.00 นาฬิกา กะบ่ายมีเวลาทำงานถึงเวลา 24.00 นาฬิกา และกะดึกมีเวลาทำงานถึงเวลา 08.00 นาฬิกา ดังนั้นในช่วงเวลา 15.30 นาฬิกาถึง 16.00 นาฬิกา ของกะเช้า ช่วงเวลา 23.30 นาฬิกา ถึง 24.00 นาฬิกา ของกะบ่าย และช่วงเวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา ของกะดึก จึงยังเป็นช่วงเวลาของการทำงานอยู่ จำเลยให้โจทก์ทั้ง 83 คนไม่ต้องทำงานในแต่ละกะของตนในช่วงเวลาดังกล่าวโดยให้กลับบ้านได้ก่อนเวลาเลิกงานเช่นนี้ ช่วงเวลาของกะเช้าตั้งแต่เวลา 15.30 นาฬิกา ถึง 16.00 นาฬิกา กะบ่ายตั้งแต่เวลา 23.30 นาฬิกา ถึง24.00 นาฬิกา และกะดึกตั้งแต่เวลา 07.30 นาฬิกา ถึง 08.00 นาฬิกา รวมกะละ 30 นาทีดังที่กล่าวมา จึงถือได้ว่าเป็นเวลาที่จำเลยได้จัดให้โจทก์ทั้ง 83 คนพักแล้ว เมื่อรวมกับเวลาพักที่จำเลยได้จัดให้โจทก์ทั้ง 83 คนพักในแต่ละกะของตนในช่วงแรกของการทำงานอีกกะละ 30 นาที เวลาพักของโจทก์ทั้ง 83 คนจึงครบ 1 ชั่วโมง และเป็นเวลาพักที่ชอบด้วยกฎหมายที่กล่าวข้างต้นแล้ว จำเลยไม่ต้องจัดเวลาพักให้โจทก์ทั้ง 83 คนใหม่อีก และโจทก์ทั้ง 83 คนไม่มีสิทธิได้รับเงินตามฟ้อง ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9176 - 9259/2546)

ด้วยความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ผู้เขียนเห็นว่า แม้การจัดเวลาพักดังกล่าวของจำเลยในคดีนี้จะถูกต้องตรงตามลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 27 แต่โดยเจตนารมณ์ของการกำหนดให้นายจ้างจัดเวลาพักให้แก่ลูกจ้างนั้น น่าจะหมายถึงการที่นายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้หยุดพักผ่อนในระหว่างการทำงาน ไม่เคร่งเครียดในการทำงาน เพื่อที่จะได้ทำงานให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเลิกงาน อย่างไรก็ดีสำหรับคดีนี้ลูกจ้างก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรจากการจัดเวลาพักดังกล่าวของนายจ้าง คำวินิจฉัยของศาลฎีกาจึงเหมาะสมแล้ว และหากพนักงานตรวจแรงงาน(เจ้าหน้าที่ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน)ได้ตรวจพบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างทำนองนี้ ก็ควรแนะนำให้แก้ไขเสียให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย หรือจะแนะนำให้นายจ้างและลูกจ้างทำความตกลงกันให้ชัดเจนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก็จะช่วยให้ปัญหาเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นอีก

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น