รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การหยุดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราว

ปัญหาที่สำคัญเรื่องหนึ่งในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้แก่ การหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว ซึ่งฝ่ายลูกจ้างบางกลุ่มเห็นว่าบทบัญญัติตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เป็นการเปิดโอกาสให้นายจ้างฉกฉวยเอารัดเอาเปรียบแก่ลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างได้รับค่าตอบแทนที่น้อยลงหรือได้รับความเดือดร้อน แต่ในขณะเดียวกันความมุ่งหมายของบทบัญญัติดังกล่าว ต้องการช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้างที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากการที่นายจ้างประสบปัญหาในการประกอบธุรกิจ ซึ่งแทนที่จะเลิกจ้างลูกจ้างไปในทันที นายจ้างก็ยังมีทางออกที่จะใช้วิธีการหยุดกิจการชั่วคราวและลูกจ้างก็ยังได้รับค่าตอบแทนอยู่บ้าง เรื่องดังกล่าวก็แล้วแต่มุมมองนะครับ สำหรับสัปดาห์นี้มีคดีที่น่าสนใจเกี่ยวกับปัญหาว่าการกระทำของนายจ้างเป็นการหยุดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ?

เรื่องมีอยู่ว่า โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างได้ยื่นฟ้องพนักงานตรวจแรงงานเป็นจำเลยต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์ประสบปัญหายอดการผลิตสินค้าลดลงมาก ทำให้โจทก์มีความจำเป็นต้องให้ลูกจ้างสลับกันหยุดงานเป็นการชั่วคราว โดยกำหนดกลุ่มลูกจ้างเป็น 3 กลุ่ม ระยะเวลาในการหยุดงานแน่นอนกลุ่มละ 6 วัน และจ่ายเงินในวันหยุดงานให้ร้อยละ 50 ของค่าจ้างตามกฎหมาย ต่อมานาง ส. กับพวก ไปร้องทุกข์ต่อจำเลยซึ่งเป็นพนักงานตรวจแรงงาน จำเลยได้สอบข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่าโจทก์มีเหตุจำเป็นที่จะหยุดกิจการชั่วคราวได้ แต่การที่โจทก์ให้ลูกจ้างสลับกันหยุดงานดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 75 วรรคหนึ่ง จึงได้มีคำสั่งที่ 27/2545 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2545 ให้โจทก์จ่ายค่าจ้างให้นาง ส. กับพวกอีกร้อยละ 50 โจทก์ไม่เห็นด้วยเพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของจำเลย

จำเลยให้การว่า จำเลยได้พิจารณาการให้ลูกจ้างหยุดงานของโจทก์ดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าการให้หยุดงานไม่สามารถกำหนดเวลาสิ้นสุดได้แน่นอน จึงไม่เป็นการหยุดงานทั้งหมดหรือบางส่วนของกิจการ แต่เป็นเพียงลดวันทำงานของลูกจ้างเสมือนการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 75 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้โจทก์ปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่งของจำเลยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิจารณาและพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 27/2545 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2545

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลาง คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน และรับว่าโจทก์มีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากโจทก์ประสบปัญหายอดการสั่งซื้อสินค้าลดลงมาก คงให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแต่เพียงว่า การที่โจทก์แบ่งลูกจ้างออกเป็น 3 กลุ่ม แล้วให้ ลูกจ้างหมุนเวียนกันหยุดงานกลุ่มละ 6 วัน เป็นการหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานได้ความว่า โจทก์ประกอบกิจการผลิติของใช้ทำด้วยไนล่อนและพลาสติก ต่อมาคำสั่งซื้อลดลงมากจึงต้องผลิตสินค้าน้อยลง โจทก์จึงให้แบ่งลูกจ้างออกเป็น 3 กลุ่ม ให้สลับกันหยุดงาน กลุ่มละ 6 วัน ครั้งแรกโจทก์ประกาศให้หยุดงานตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2545 โดยให้ลูกจ้างกลุ่มแรกหยุดงานตั้งแต่วันที่ 22 ถึงวันที่ 24 เมษายน 2545 กลุ่มที่ 2 ให้หยุดงานตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2545 และกลุ่มที่ 3 ให้หยุดตั้งแต่วันที่ 6 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2545 และครั้งที่สองโจทก์ให้ลูกจ้างหยุดงานตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 โดยมีลักษณะการหยุดเช่นเดียวกับประกาศฉบับแรก คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า วิธีการที่โจทก์แบ่งลูกจ้างออกเป็น 3 กลุ่มแล้วให้ลูกจ้างแต่ละกลุ่มสลับกันหยุดงานกลุ่มและ 6 วัน โดยเริ่มต้นหยุดตามประกาศของโจทก์ครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2545 และหยุดครั้งที่สองตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 เป็นการหยุดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามความหมายของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 75 วรรคหนึ่ง หรือไม่

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า ในกรณีที่นายจ้างประสบปัญหามีความจำเป็นต้องหยุดกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 75 วรรคหนึ่ง ให้สิทธิแก่นายจ้างที่จะหยุดกิจการของตนได้โดยจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างในระหว่างที่หยุดกิจการไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับก่อนนายจ้างหยุดกิจการ แต่ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง ไม่ได้กำหนดวิธีการในการหยุดกิจการไว้ว่าให้นายจ้างกระทำโดยวิธีใด นายจ้างจึงสามารถกำหนดวิธีการหยุดกิจการให้เหมาะสมแก่ความจำเป็นของกิจการของนายจ้างได้ ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างมีความจำเป็นต้องหยุดกิจการโดยโจทก์แบ่งลูกจ้างออกเป็น 3 กลุ่มให้ลูกจ้างแต่ละกลุ่มสลับกันหยุดงานกลุ่มละ 6 วัน เป็นวิธีการลดกำลังการผลิตโดยเฉลี่ยการใช้แรงงานให้มีจำนวนน้อยลงจึงเป็นการหยุดกิจการบางส่วนวิธีหนึ่ง เมื่อเป็นการลดกำลังการผลิตโดยมีระยะเวลาที่แน่นอนติดต่อกันอย่างพอสมควรคือในระหว่างวันที่ 22 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2545 และระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 และโจทก์ได้แบ่งคนงานทั้งหมดออกเป็น 3 กลุ่ม สลับกันหยุดงานเท่า ๆ กัน โดยในการหยุดงานครั้งแรกให้ลูกจ้างกลุ่มแรกหยุดงานตั้งแต่วันที่ 22 ถึงวันที่ 27 เมษายน 2545 ลูกจ้างกลุ่มที่สองหยุดงานตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2545 ถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2545 และลูกจ้างกลุ่มที่สามหยุดตั้งแต่วันที่ 6 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม 2545 ส่วนการหยุดงานครั้งที่สองตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2545 ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2545 ก็ได้ให้ลูกจ้างสลับกันหยุดเช่นเดียวกับการหยุดงานในครั้งแรก โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์เลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งโดยให้ลูกจ้างคนหนึ่งคนใดหรือลูกจ้างกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหยุดงานเป็นการเฉพาะ ย่อมถือได้ว่าเป็นการหยุดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราวตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 7 5 วรรคหนึ่ง (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8678/2548)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น