รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

ย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นเป็นการชั่วคราว

บางครั้งการกลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนท้อถอย แต่บางคนก็ต่อสู้โดยอาศัยกระบวนการยุติธรรมเพื่อปกป้องชื่อเสียงและเกียรติคุณของตัวเอง ซึ่งกว่าจะได้กลับคืนมาก็ต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควรดังเช่นคดีที่จะนำมาให้ศึกษากันข้างล่างนี้

รายละเอียดของเรื่องนี้มีอยู่ว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เข้าทำงานที่องค์การ อ.จำเลยที่ 1 ในปี 2511 จนถึงปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ(ระดับ 9) สำนักงานอำนวยการของจำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อจำเลยที่ 2 อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ให้ทำหน้าที่เลขานการของคณะกรรมการบริหารกิจการของจำเลยที่ 1 อีกตำแหน่งด้วย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 จำเลยทั้งสองออกคำสั่งที่ 56/2546 ให้โจทก์ไปช่วยปฏิบัติงานที่สำนักงานภาคเหนือ ในฐานะที่ปรึกษาสำนักงานม่เมาะ จังหวัดลำปาง เพื่อแนะนำการบริหารจัดการให้บรรลุตามแผนงานที่กำหนดไว้ สำหรับการรายงานผลการปฏิบัติงานให้เสนอต่อผู้อำนวยการสำนักงาน อ.ภาคเหนือ และให้โอนอัตราตามตัวไปตั้งเบิกจ่ายด้วย กับแต่งตั้งให้นาย อ. หัวหน้าฝ่าย(ระดับ 8) สำนักงานอำนวยการ รักษาการแทนในตำแหน่งโจทก์ คำสั่งดังกล่าวถือว่าเป็นคำสั่งแต่งตั้งถอดถอนเพื่อมิให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่เดิมได้ ไม่ชอบด้วยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ อ. พ.ศ. 2499 มาตรา 20(1) และข้อบังคับขององค์การ อ. ว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง การเรียกประกัน การเลื่อนขั้นเงินเดือน และการถอดถอนสำหรับพนักงานและคนงาน พ.ศ. 2541 ข้อ 9 เพราะการจะถอดถอนโยกย้ายโจทก์ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การอ. ก่อน แต่กรณีที่เกิดขึ้นจำเลยที่ 2 มิได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ตามข้อบังคับของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ อ. พ.ศ. 2499 และข้อบังคับของจำเลยที่ 1 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนคำสั่งที่ 56/2546 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 และมีคำสั่งให้โจทก์กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการองค์การ อ.ตามเดิม

จำเลยทั้งสองให้การว่า คำสั่งที่ 56/2546 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 เป็นคำสั่งที่จำเลยทั้งสองออกโดยชอบด้วยหลักเกณฑ์ของกฎหมายแล้ว โดยจำเลยที่ 1 มีนโยบายพัฒนาปรับปรุงสำนักงาน อ. แม่เมาะ สำนักงาน อ.ภาคเหนือ ให้เป็นศูนย์ภาคเหนือตอนบนแบบครบวงจร ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์ไม้จากสวนป่าและเป็นการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบจากสวนป่า ดังนั้น จำเลยที่ 2 จึงมีคำสั่งองค์การ อ.ที่ 56/2546 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2546 ให้โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก(ระดับ 9) สำนักงานอำนวยการ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานทั้งทางด้านการทำไม้ การปลูกสร้างสวนป่า และการอุตสาหกรรมไม้ ไปช่วยปฏิบัติงานที่สำนักงานอนุรักษ์และพัฒนาสวนป่าภาคเหนือ ในฐานะที่ปรึกษาสำนักงาน อ.แม่เมาะ เพื่อแนะนำการบริหารจัดการให้บรรลุตามนโยบายและแผนงานที่กำหนดไว้ และเพื่อความสะดวกแลความคล่องตัวในการเบิกจ่ายเงินเดือน จึงให้โอนอัตราประจำตำแหน่งของโจทก์ไปตั้งเบิกจ่ายที่สำนักงาน อ.ภาคเหนือด้วย การที่มีคำสั่งดังกล่าวเป็นอำนาจทางการบริหารจัดการและดำเนินการกิจการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของผู้อำนวยการ ตามมาตรา 19 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ อ. พ.ศ. 2499 การที่จำเลยที่ 1 มอบหมายให้นาย อ. หัวหน้าฝ่าย(ระดับ 8) สำนักงานอำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานอำนวยการ เป็นการมอบหมายให้ช่วยดูแลและบังคับบัญชางานของสำนักงานอำนวยการเป็นการชั่วคราว จนกว่าจำเลยที่ 1 จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุตามแผนงานที่กำหนด และกลับมาปฏิบัติงานตามเดิม การมีคำสั่งให้โจทก์ไปช่วยปฏิบัติงานดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้ไม่จำต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการองค์การ อ.ก่อน เนื่องจากมิได้เป็นการบรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน ตามความหมายในมาตรา 20(1) ทั้งมีความจำเป็นต้องโอนอัตราตามตัวไปตั้งเบิกจ่ายที่สำนักงาน อ.ภาคเหนือ เพื่อความคล่องตัวและรวดเร็ว ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามปกติและเป็นการอำนวยความสะดวกต่อการทำงานและผู้ปฏิบัติงานและเป็นการชั่วคราวเท่านั้น มิได้เป็นการถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน(ระดับ 9) แต่อย่างใด โจทก์ยังคงมีสิทธิอันพึงมีพึงได้ของการเป็นพนักงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานอำนวยการ อีกตำแหน่งหนึ่ง การมีคำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะความโกรธเคือง ผูกพยาบาท แต่เป็นอำนาจทางการบริหารที่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่ 56/2546 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2546

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองว่า คำสั่งที่ 56/2546 ของจำเลยทั้งสองเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อพิจารณามาตรา 19 และมาตรา 20 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ อ. พ.ศ. 2499 ประกอบกันแล้วจะเห็นได้ว่า ผู้อำนวยการมีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการและดำเนินกิจการขององค์การ อ.ให้เป็นไปตามนโยบายและข้อบังคับ และมีหน้าที่บังคับบัญชารองผู้อำนวยการ พนักงานและคนงานทุกตำแหน่ง รวมทั้งมีอำนาจบรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อนขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน ตลอดจนการลงโทษทางวินัยแก่พนักงานและคนงานด้วย เว้นแต่พนักงานชั้นที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ หรือชั้นหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ที่ขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการซึ่งเป็นพนักงานในระดับสูงจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อนจึงจะมีอำนาจกระทำได้ ดังนั้น การที่จะพิจารณาว่าคำสั่งใดเป็นคำสั่งในทางบริหารจัดการในการดำเนินกิจการของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอำนาจของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะตามมาตรา 19 หรือเป็นคำสั่งบรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน พนักงานในระดับสูงซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 20(1) ก่อน จึงต้องคำนึงเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าว เหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องมีคำสั่ง และผลกระทบที่จะมีต่อผู้รับคำสั่งด้วย เพราะคำสั่งแต่งตั้งหรือถอดถอนพนักงานคนใดอาจเป็นกการให้คุณหรือให้โทษแก่พนักงานผู้นั้นอยู่ในตัว การแต่งตั้งหรือถอดถอนพนักงานในรับสูงย่อมมีความสำคัญ และมีผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน และเพื่อเป็นหลักประกันการทำงานของพนักงานที่ปฏิบัติงานไปโดยถูกต้องและสุจริตมิให้ถูกกลั่นแกล้งจากผู้หนึ่งผู้ใด จึงจำกัดอำนาจของจำเลยที่ 2 ไว้ โดยให้ได้รับการกลั่นกรองจากคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 อีกชั้นหนึ่งด้วย การพิจารณาถึงคำสั่งใด ๆ ว่าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ก่อนหรือไม่ จึงมิได้พิจารณาเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ว่าให้ไปปฏิบัติงานเพียงชั่วคราวหรือไม่เท่านั้น เพราะการมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานในตำแหน่งอื่นเป็นเวลานานโดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ ย่อมมิใช่อำนาจในการบริหารจัดการตามปกติ และมีผลอย่างเดียวกันกับการถอดถอนจากตำแหน่งเดิมนั่นเอง สำหรับคดีนี้ คำสั่งของจำเลยทั้งสองที่ 56/2546 ที่ให้โจทก์ไปปฏิบัติงานที่สำนักงาน อ.ภาคเหนือ ในฐานะที่ปรึกษาสำนักงาน อ. แม่เมาะ แม้ในคำสั่งจะระบุว่าให้ไปช่วยปฏิบัติงานเป็นเวลา 120 วัน แต่ก็ให้โอนอัตราตามตัวไปตั้งเบิกจ่ายด้วย ซึ่งมีผลทำให้โจทก์ต้องขาดจากอัตราและตำแหน่งเดิม จึงมีผลอย่างเดียวกับการถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งเดิม ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลาง จำเลยทั้งสองยังออกคำสั่งให้โจทก์ช่วยปฏิบัติงานต่อไปอีก 30 วัน โดยอ้างว่าเพื่อให้การบริหารจัดการบรรลุตามแผนงานที่กำหนดไว้ ทั้งที่ได้ความจากนาย ส. ผู้จัดการองค์การ อ.แม่เมาะว่า องค์การ อ.แม่เมาะยังไม่เคยมีแผนที่จะปรับปรุงงาน และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอบุคคลใดไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองมีคำสั่งที่ 56/2546 ให้โจทก์ไปปฏิบัติในตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราว เพียงเพื่อไม่ต้องให้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการของจำเลยที่ 1 ตามที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ อ. พ.ศ. 2499 มาตรา 20(1) บัญญัติไว้เท่านั้น หาใช่อำนาจของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะตามมาตรา 19 ไม่ คำสั่งของจำเลยทั้งสองดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2969/2548)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น