ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ในการที่จะสั่งให้นายจ้างซึ่งเลิกจ้างลูกจ้างในกรณีที่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม(Unfair) นอกจากจะให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายแล้ว คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะสั่งให้นายจ้างปฏิบัติทั้งสองประการได้หรือไม่ ? เป็นปัญหาที่เคยมีมาตั้งแต่ที่มีการใช้บังคับพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มานานแล้ว แต่แม้ในปัจจุบันก็ยังปรากฏข้อต่อสู้ดังกล่าวอยู่ ดังเช่นคดีข้างล่างนี้
คดีนี้มีอยูว่า โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เป็นจำเลยต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์ประกอบกิจการผลิตลวดเหล็กกล้าและลวดตีเกลียวเหล็กกล้า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 นาย จ. ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ทำงานประจำแผนกรีดลวดแห้งได้ยื่นคำร้องต่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (โดยมีจำเลยที่ 2 ถึง จำเลยที่ 15 เป็นกรรมการแรงงานสัมพันธ์) กล่าวหาว่าโจทก์เลิกจ้างในระหว่างข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของนาย จ. ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ การเลิกจ้างนาย จ. เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม จึงมีคำสั่งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหารับนาย จ. กลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย นับแต่วันถูกเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน ตามคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ 3/2547 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 โจทก์เห็นว่าการเลิกจ้างนาย จ. ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรมแล้ว เนื่องจากนาย จ. ทุจริตต่อหน้าที่ อันเป็นการกระทำความผิดร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน และคำวินิจฉัยของจำเลยที่ 1 ในประเด็นแรกก็แสดงให้เห็นว่านาย จ.มีเจตนาทุจริตต่อหน้าที่มาแต่ต้น แต่ในคำวินิจฉัยในประเด็นที่ 2 กลับวินิจฉัยว่าพฤติกรรมของนาย จ.ยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงขัดกันเอง ที่จำเลยที่ 1 มีคำสั่งให้โจทก์รับนาย จ. กลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันถูกเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงานจึงไม่ถูกต้องและเป็นธรรม ขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123(1) ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยและคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ 3/2547 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547
จำเลยทั้งสิบห้าให้การว่า คำวินิจฉัยของจำเลยที่ 1 ในประเด็นแรกและประเด็นที่สองไม่ขัดแย้งกัน คำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 3/2547 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา นาย จ. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาต
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่ 3/2547 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 เฉพาะส่วนที่สั่งให้ผู้ถูกกล่าวหา(โจทก์)จ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันถูกเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงาน นอกนั้นให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสิบห้าอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลจำพวกบริษัทจำกัด ประกอบกิจการผลิตลวดเหล็กกล้าและลวดตีเกลียวเหล็กกล้า ส่วนจำเลยร่วมเป็นลูกจ้างของโจทก์ตำแหน่งพนักงานทั่วไปรายเดือน แผนกรีดลวดแห้ง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2546 จำเลยร่วมได้รับอุบัติเหตุในการทำงานโดยเศษหินเจียรกระเด็นเข้าตามข้างขวาทำให้ตาข้างดังกล่าวของจำเลยร่วมได้รับบาดเจ็บ ในวันรุ่งขึ้นแพทย์โรงพยาบาลนวนครตรวจแล้วไม่พบเศษวัสดุใด ๆ ในดวงตาข้างดังกล่าวของจำเลยร่วม แพทย์จึงเพียงให้การรักษาแต่ไม่ได้ให้หยุดพักเพื่อรักษาการบาดเจ็บ หลังจากนั้นจำเลยร่วมไม่มาทำงานตามปกติ จนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2546 จำเลยร่วมมาทำงานเพียงวันเดียวพร้อมยื่นใบรับรองแพทย์และใบลาหยุดงานตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2546 ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2546 อ้างเหตุสะเก็ดหินเจียรเข้าตาข้างขวาและไปตรวจรักษากับแพทย์ตามคลีนิคต่าง ๆ ซึ่งแพทย์ตรวจรักษาแล้วให้หยุดพักรักษาการบาดเจ็บตามใบรับรองแพทย์ แต่โจทก์พิจารณาพฤติกรรมที่ไม่ชอบของจำเลยร่วมในการไปให้แพทย์ตามคลีนิคตรวจรักษาและพฤติกรรมลักษณะเดียวกันของจำเลยร่วมที่เคยกระทำมาก่อนแล้ว โจทก์เห็นว่าจำเลยร่วมมีเจตนาที่จะหยุดงานโดยอ้างการบาดเจ็บเล็กน้อยในการทำงาน แต่ไม่มีเจตนารักษาให้หายขาด เพื่อให้ได้รับค่าจ้างและเงินทดแทนโดยอาศัยข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ถือว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นความผิดร้ายแรงตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้อ 5.2.1 โจทก์จึงมีหนังสือลงวันที่ 21 ตุลาคม 2546 แจ้งการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยด้วยเหตุผลดังกล่าวส่งไปให้จำเลยร่วมทราบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 จำเลยร่วมยื่นคำร้องกล่าวหาว่าโจทก์เลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดและให้สั่งโจทก์รับกลับเข้าทำงานกับจ่ายค่าเสียหายด้วย คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จำเลยที่ 1 พิจารณาคำร้องกล่าวหา คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและสอบสวนจำเลยร่วมกับตัวแทนโจทก์ ตลอดจนพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้ว วินิจฉัยขี้ขาดว่าพฤติกรรมการหยุดงานของผู้กล่าวหา(โจทก์ร่วม) ยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ตามข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหา(โจทก์) การที่ผู้ถูกกล่าวหาเลิกจ้างผู้กล่าวหาเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม มีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหารับผู้กล่าวหากลับเข้าทำงานและจ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย นับแต่วันถูกเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสิบห้าเพียงประเด็นเดียวว่า คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จำเลยที่ 1 มีอำนาจสั่งนายจ้าง(โจทก์) ซึ่งเลิกจ้างลูกจ้างเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหายเพียงประการใดประการหนึ่งหรือทั้งสองประการ ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 41(4) บัญญัติว่า “วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องตามมาตรา 124 และในกรณีที่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ชี้ขาดว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ให้มีอำนาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือให้จ่ายค่าเสียหาย หรือให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร” บทบัญญัติดังกล่าวหาได้จำกัดอำนาจของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ให้สั่งได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ เพราะท้ายบทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจแก่คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่จะสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรได้อีกด้วย ดังนั้น คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงมีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิ่บัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ การที่จำเลยทั้งสิบห้าซึ่งเป็นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำสั่งที่ 3/2547 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547 สั่งให้โจทก์รับจำเลยร่วมกลับเข้าทำงานและให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายแก่จำเลยร่วมด้วย จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่ 3/2547 ของจำเลยทั้งสิบห้าเฉพาะส่วนที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายนับแต่วันถูกเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงานนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสิบห้าฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องทั้งหมด (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8711/2548)
เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น