รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นายจ้างปรับปรุงระบบการทำงานใหม่

น้ำมันขึ้นราคา...ขึ้นแล้วขึ้นอีก ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนลำบากมากขึ้น เนื่องจากสินค้าต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบและขยับราคาขึ้นตาม ผู้บริโภคต้องรับกรรมอีกเช่นเคย ยังไม่ทราบว่าทางรัฐบาลมีมาตรการใดที่จะเข้ามาดูแลบ้าง ขืนปล่อยไว้ไม่นานคงไม่เหมาะอย่างแน่นอน เพราะในสภาพปัจจุบันประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ หนี้สินพอกพูนมากขึ้น ทรัพย์สินที่มีอยู่ก็ด้อยราคาลงทุกวัน บางคนต้องเอาไปค้ำประกัน จำนำหรือจำนองเพื่อให้มีเงินมาใช้จ่าย ความเดือดร้อนครั้งนี้แม้หลายคนอาจจะยอมรับได้ว่าเป็นภาวะผันผวนที่เป็นปัจจัยภายนอกซึ่งรัฐบาลควบคุมได้ยาก แต่รัฐบาลก็คงยากที่จะปฏิเสธหรือปัดความรับผิดชอบได้ ขอเอาใจช่วยรัฐบาลให้สามารถแก้ไขปัญหาให้ผ่านพ้นไปได้โดยเร็ว

ในท่ามกลางมรสุมทางเศรษฐกิจ ทำให้นายจ้างหลายรายต้องปรับกระบวนงานและกลยุทธ์ในการทำงาน เพื่อความอยู่รอดทั้งของกิจการและผู้บริหารด้วย การปรับปรุงระบบบริหารจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่ง โดยย่อมเป็นที่แน่นอนว่าบุคลากรต้องได้รับผลกระทบ การปรับเปลี่ยนโยกย้ายหน้าที่การงาน หรือลดจำนวนพนักงาน(ลูกจ้าง)ลงย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีวิธีการและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ระมัดระวังมิให้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือมิให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิที่พึงมีพึงได้ของพนักงาน(ลูกจ้าง) หากจำเป็นก็ต้องปรึกษาหารือหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งก่อน เพื่อป้องกันหรือลดข้อโต้แย้งที่อาจจะเกิดขึ้น

คดีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากนายจ้างได้มอบหมายหน้าที่ใหม่ให้แก่ลูกจ้าง และให้ทั้งหมดไปรายงานตัวและปฏิบัติหน้าที่ตามที่นายจ้างมอบหมาย โดยอ้างว่าเพื่อปรับปรุงระบบการทำงาน แต่ฝ่ายลูกจ้างเห็นว่านายจ้างมีเจตนากลั่นแกล้ง จึงได้นำเรื่องไปฟ้องศาลแรงงานกลาง

รายละเอียดมีอยู่ว่า ลูกจ้างจำนวน 25 คนได้ยื่นฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเป็นลูกจ้าง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งยี่สิบห้าโดยที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มีความผิด และการเลิกจ้างดังกล่าวจำเลยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้าทราบ ทั้งเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ทั้งยี่สิบห้าทำงานติกต่อกันครบกำหนดระยะเวลาที่จะได้รับค่าชดเชย จำเลยจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ที่ 4 ถึงโจทก์ที่ 10 และโจทก์ที่ 12 ถึง โจทก์ที่ 25 น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ โจทก์ดังกล่าวจึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างขั้นต่ำค้างจ่าย จำเลยหักเงินสะสมจากค่าจ้างของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าและตกลงว่าถ้าโจทก์แต่ละคนทำงานครบ 5 ปี จำเลยจะจ่ายเงินสมทบให้เท่ากับเงินสะสมที่จำเลยหักไว้ โจทก์ทั้งยี่สิบห้ายังไม่ได้ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี จึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี นอกจากนี้จำเลยยังต้องคืนเงินประกันความเสียหายแก่โจทก์ที่ 5 โจทก์ที่ 10 โจทก์ที่ 12 โจทก์ที่ 14 ถึงโจทก์ที่ 19 และโจทก์ที่ 25 ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยรับโจทก์ทั้งยี่สิบห้ากลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม หากไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ ขอให้จ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม กับขอให้จ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างขั้นต่ำค้างจ่าย เงินสะสม เงินสมทบ ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี และคืนเงินประกันความเสียหาย พร้อมดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวแก่โจทก์แต่ละคน

จำเลย(นายจ้าง)ให้การต่อสู้คดีว่า โจทก์ทั้งยี่สิบห้าเป็นลูกจ้างของจำเลย ทำงานที่บ้าน ธ. เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2542 จำเลยได้ประชุมลูกจ้างจำเลยรวมทั้งโจทก์ทั้งยี่สิบห้า เพื่อชี้แจงระเบียบการทำงานและปรับปรุงระบบการทำงานใหม่ โดยใช้ระบบหมุนเวียนระหว่างบ้าน ธ. กับที่ตลาด จ. จำเลยได้ให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามารายงานตัวและปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเลยได้มอบหมายต่อไป แต่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มารายงานตัวและมาปฏิบัติหน้าที่ตามที่จำเลยมอบหมาย วันที่ 29 ตุลาคม 2542 จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามารายงานตัวและปฏิบัติงานในตำแหน่งและสถานที่ที่จำเลยจะได้มอบหมาย โจทก์ทั้งยี่สิบห้ารับทราบแล้วไม่ปฏิบัติตาม วันที่ 4 พฤศจิกายน 2542 จำเลยมีหนังสือเตือนโจทก์ทั้งยี่สิบห้าด้วยวาจา โดยจำเลยให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามารายงานตัวต่อจำเลยและปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งและสถานที่ปฏิบัติงานตามที่จำเลยมอบหมายในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2542 เวลา 9 นาฬิกา แต่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่ได้มารายงานตัว วันที่ 8 พฤศจิกายน 2542 จำเลยได้มีหนังสือเตือนโจทก์ทั้งยี่สิบห้า พร้อมกับยืนยันให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งและสถานที่ปฏิบัติงานตามที่จำเลยมอบหมาย โดยให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามารายงานตัวและปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2542 เวลา 9 นาฬิกา แต่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่ได้มารายงานตัวและปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหน้าที่และสถานที่ที่จำเลยมอบหมาย วันที่ 12 พฤศจิกายน 2542 จำเลยจึงมีหนังสือเตือนโจทก์ทั้งยี่สิบห้า โดยให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามาปฏิบัติงานตามที่จำเลยมอบหมาย โจทก์ทั้งยี่สิบห้าทราบแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตาม วันที่ 16 พฤศจิกายน 2542 จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งยี่สิบห้า การกระทำของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าดังกล่าวเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย หรือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้เตือนเป็นหนังสือแล้ว การเลิกจ้างจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า มี่ต้องรับโจทก์ทั้งยี่สิบห้ากลับเข้าทำงานหรือจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้แก่โจทก์ที่ 4 ถึงโจทก์ที่ 10 โจทก์ที่ 12 ถึงโจทก์ที่ 25 เพราะได้จ่ายค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแล้ว จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเพราะมีความผิด จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินสมทบ ส่วนเงินสะสมนั้นจำเลยยินยอมจ่ายคืนให้ แต่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่ยอมรับ จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามฟ้อง เพราะจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งยี่สิบห้าโดยมีความผิด จำเลยไม่ต้องคืนเงินประกันความเสียหาย เพราะไม่มีข้อตกลงตามฟ้อง แต่จำเลยหักเงินค่าจ้างของโจทก์ดังกล่าวเพื่อชำระค่าชุดพนักงาน ซึ่งโจทก์ดังกล่าวค้างชำระหนี้จำเลย ขอให้ศาลแรงงานกลางยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณาโจทก์ที่ 4 ถึงโจทก์ที่ 10 และโจทก์ที่ 12 ถึงโจทก์ที่ 25 แถลงไม่ติดใจเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำค้างจ่าย

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าชดเชย เงินสะสม ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ให้แก่โจทก์ที่ 1และโจทก์ที่ 3 และให้จ่ายเงินสะสมแก่โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 4 ถึงโจทก์ที่ 25 พร้อมดอกเบี้ยจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ที่ 3 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยกเสีย

ในชั้นศาลฎีกามีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

1. จำเลยจะต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เงินสะสมและเงินสมทบแก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 หรือไม่

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติว่า โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 เป็นลูกจ้างของจำเลย ตำแหน่งหัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัยและผู้ควบคุมงานทั่วไป ตามลำดับ จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 เป็นยามหรือผู้รักษาความปลอดภัย จำเลยให้โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ไปรายงานตัวต่อจำเลยและปฏิบัติงานตามคำสั่งของจำเลย แต่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ไม่ไปรายงานตัวต่อจำเลยและปฏิบัติงานตามคำสั่งของจำเลย จำเลยได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว ดังนี้ เมื่อแต่เดิมโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 เคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้รักษาความปลอดภัย และผู้ควบคุมงานทั่วไปตามลำดับ ซึ่งเท่ากับเป็นตำแหน่งหัวหน้างาน การที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ไปดำรงตำแหน่งเป็นเพียงยามหรือผู้รักษาความปลอดภัยเท่านั้น จึงเป็นการลดตำแหน่งของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 คำสั่งของจำเลยแม้เป็นคำสั่งในการบริหารงานและมิได้ลดค่าจ้างก็ตาม แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างเดิมที่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว จึงไม่เป็นการจงใจทำให้นายจ้างเสียหายหรือเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างหรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งของนายจ้างเป็นอาจิณดังที่จำเลยอุทธรณ์ เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม เงินสะสมและเงินสมทบให้แก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3

2. แม้เงินสะสมจะเป็นเงินที่หักจากค่าจ้างของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าก็ตาม ค่าจ้างที่หักย่อมไม่มีสภาพเป็นค่าจ้างอีกต่อไป เงินสะสมจึงมิใช่เงินประเภทที่นายจ้างจะต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ 15 ต่อปีดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จำเลยต้องรับผิดจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 7.5 ต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคหนึ่ง เท่านั้น (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5073 - 5097/ 2546)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

1 ความคิดเห็น:

  1. Lucky Club | Casino site - Live dealer casino site
    Lucky club, profile picture. Lucky club, profile picture. Lucky club, profile picture. Lucky club. Casino. Deposit luckyclub match bonus. 100% up to €50. Rating: 4 · ‎Review by LuckyClub

    ตอบลบ