รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กรอกเวลาทำงานไม่ตรงความจริง

คุณเคยลงเวลาเข้าทำงานหรือเลิกงานผิดไปจากความเป็นจริงหรือไม่ ?

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2539 ทำหน้าที่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกแล่ตัด ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 9,630 บาท จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2544 โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรง โจทก์ทำงานมาเกินสามปีแต่ไม่ครบหกปี ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 57,780 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะได้ชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย โจทก์ทุจริตในการมาทำงานในวันหยุดและทำงานล่วงเวลาในวันหยุด เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายและฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยในข้อที่ร้ายแรง โดยโจทก์ได้รับมอบหมายให้มาทำงานในวันหยุดตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา ของวันที่ 12 สิงหาคม 2544 ถึงเวลา 8 นาฬิกาของวันที่ 13 สิงหาคม 2544 แต่โจทก์เข้าทำงานเมื่อเวลา 9.25 นาฬิกาของวันที่ 12 สิงหาคม 2544 ละทิ้งหน้าที่ไป 1 ชั่วโมง 25 นาที แล้วเขียนใบขออนุมัติทำงานล่วงเวลาเต็มตามเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากค่าทำงานในวันหยุดและค่าล่วงเวลาในวันหยุดด้วยเจตนาทุจริต จำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยชำระค่าชดเชย 57,780 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง ไปจนกว่าจะได้ชำระเสร็จให้แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2540 ตำแหน่งสุดท้ายเป็นหัวหน้าแผนกแล่ตัด ได้รับค่าจ้างเดือนละ 9,630 บาท โจทก์ได้รับมอบหมายให้มาทำงานในวันหยุดตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกาของวันที่ 12 สิงหาคม 2544 ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2544 แต่โจทก์มาเข้าทำงานตั้งแต่เวลา 9.25 นาฬิกา ของวันที่ 12 สิงหาคม 2544 เมื่อทำงานไปแล้วกลับกรอกใบขออนุมัติทำงานภายหลังโดยลงเวลาย้อนหลังว่ามาเข้าทำงานตั้งแต่เวลา 8 นาฬิกา เกินกว่าเวลาที่ทำงานจริง 1 ชั่วโมง 25 นาที คำนวณเป็นตัวเงินได้ประมาณ 100 บาท ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า เป็นกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุด สำหรับลูกจ้างที่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดนายจ้างจะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดเพิ่มขึ้นจากค่าจ้างอีกไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 62 (1) และข้อบังคับในการทำงานของจำเลยหมวดที่ 5 ข้อ 5.2 ค่าทำงานในวันหยุด ดังนั้นเวลาเริ่มทำงานและเลิกงานจึงเป็นข้อสาระสำคัญในการคิดคำนวณค่าจ้าง การที่โจทก์กรอกเวลาเริ่มทำงานไม่ตรงความจริง ผิดไป 1 ชั่วโมงเศษโดยโจทก์กรอกใบอนุมัติภายหลังจากลงมือทำงานในวันหยุดไปแล้วซึ่งโจทก์รู้ข้อเท็จจริงดีว่าตนเองเข้าทำงานหลังเวลา 8 นาฬิกา มีเวลาทำงานในวันหยุดน้อยกว่าเวลาที่กรอกในใบอนุมัติ และจำนวนเวลาทำงานใช้คำนวณค่าทำงานในวันหยุด การกระทำของโจทก์จึงเป็นการโกงและไม่ซื่อตรง แม้ทำให้จำเลยอาจได้รับความเสียหายที่จะต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้แก่โจทก์เกินไปเพียง 100 บาท ซึ่งนับว่าจำนวนเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (1) ไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยในกรณีร้ายแรงหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษาให้ยกฟ้อง(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9118/2546)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น