รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สิทธิรับบำเหน็จเกษียณอายุ

คดีเรื่องหนึ่ง โจทก์ยื่นฟ้องนายจ้างเป็นจำเลยว่า เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2523 จำเลยจ้างโจทก์ทำงานเป็นลูกจ้าง ตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองหัวหน้าส่วนฝ่ายอบรมและพัฒนาตัวแทน ได้รับค่าจ้างเดือนละ 11,394 บาท ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2545 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้กระทำผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยมีระเบียบข้อบังคับกำหนดสภาพการจ้างสิ้นสุดเมื่อเกษียณอายุครบ 50 ปี เมื่อโจทก์อายุครบ 50 ปีแล้ว จำเลยยินยอมให้โจทก์ทำงานต่อมาจนถึงถูกเลิกจ้าง การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อครบเกษียณอายุ โจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลย พ.ศ. 2534 ประกาศการเกษียณอายุก่อนกำหนดลงวันที่ 4 ธันวาคม 2540 และประกาศการเพิ่มเงินช่วยเหลือการเกษียณอายุลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2541 เป็นเงินเท่ากับเงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยอายุงาน 23 ปี บวกด้วยเงินช่วยเหลือ 6 เท่าของเงินเดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 330,455 บาท ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยจ่ายเงินบำเหน็จเมื่อครบเกษียณอายุให้แก่โจทก์เป็นเงิน 330,455 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากประสบภาวะขาดทุน และได้รับคำสั่งจากอธิบดีกรมการประกันภัยให้แก้ไขฐานะทางการเงินโดยด่วน จึงมีความจำเป็นต้องเลิกจ้างโจทก์ แต่เดิมจำเลยมีข้อบังคับเรื่องเกษียณอายุของพนักงานปี พ.ศ. 2534 กำหนดให้พนักงานชายเกษียณอายุเมื่อครบ 55 ปีบริบูรณ์ และพนักงานหญิงเมื่อครบ 50 ปีบริบูรณ์ ต่อมาเมื่อปี 2541 จำเลยปรับปรุงระเบียบเรื่องการเกษียณอายุของพนักงาน ให้พนักงานชายเกษียณอายุในวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่อายุครบ 60 ปี และพนักงานหญิงในวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่อายุครบ 55 ปี บริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2541 ในปี 2542 จำเลยปรับปรุงระเบียบข้อบังคับเรื่องการเกษียณอายุพนักงานทั้งชายและหญิงเกษียณเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ โจทก์ได้ให้ความยินยอมและรับทราบประกาศเรื่องการปรับปรุงเกษียณอายุและได้ลงนามในสัญญาจ้างฉบับลงวันที่ 1 เมษายน 2544 แล้ว ในการเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีรวมเป็นเงิน 127,149 บาท จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายเงินค่าเสียหายก่อนเกษียณอายุให้แก่โจทก์อีก ขอให้ยกฟ้องของโจทก์

ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนแล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเกษียณอายุจากจำเลยหรือไม่ เพียงใด ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2523 ครั้งสุดท้ายมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าส่วนฝ่ายอบรมและพัฒนาตัวแทน ได้รับค่าจ้างเดือนละ 11,395 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน แต่เดิมจำเลยมีระเบียบเกี่ยวกับการเกษียณอายุเมื่อปี พ.ศ. 2534 กำหนดให้ชายครบเกษียณอายุเมื่อ 55 ปีบริบูรณ์และหญิงเมื่อครบ 50 ปีบริบูรณ์ ต่อมาในเดือนธันวาคม 2540 จำเลยเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การเกษียณอายุโดยกำหนดให้ชายเกษียณอายุเมื่อครบ 60 ปีบริบูรณ์และหญิงเกษียณอายุเมื่อครบ 55 ปีบริบูรณ์ หลังจากนั้นประมาณเดือนธันวาคม 2542 มีการแก้ไขระเบียบเกี่ยวกับการเกษียณอายุของพนักงานโดยกำหนดให้ลูกจ้างชายและลูกจ้างหญิงเกษียณอายุเมื่อครบ 60 ปี บริบูรณ์ ในเดือนธันวาคม 2540 จำเลยจัดให้มีโครงการเกษียณอายุก่อนครบกำหนด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2540 ถึง 31 มีนาคม 2541 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2544 จำเลยจัดให้โจทก์และจำเลยทำสัญญาจ้างแรงงานฉบับใหม่ซึ่งโจทก์ได้ลงนามในสัญญาจ้างไว้ ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2545 จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากผลประกอบการของจำเลยขาดทุน

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานมิได้บัญญัติให้ความคุ้มครองเรื่องการจ่ายเงินบำเหน็จเกษียณอายุไว้ ดังนั้น ลูกจ้างจะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จเกษียณอายุหรือไม่ เพียงใดนั้น ย่อมเป็นไปตามที่นายจ้างตกลงกับลูกจ้างในสัญญาจ้างหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เดิมจำเลยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้สวัสดิการบำนาญเมื่อครบเกษียณอายุ กำหนดให้ลุกจ้างชายและหญิงเกษียณอายุในวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และ 50 ปีบริบูรณ์ตามลำดับ พนักงานที่เกษียณอายุจะมีสิทธิได้รับสวัสดิการบำนาญรายเดือน บำนาญเป็นก้อนหรือกองทุนเกษียณ ตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยข้อ 5.5 และข้อ 7 ตามข้อ 7.1 (1) ต้องปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 10 ปี ตั้งแต่วันเริ่มได้รับการบรรจุจนถึงวาระครบเกษียณ (2) พ้นจากการเป็นพนักงานก่อนครบเกษียณอายุภายในระยะเวลา 5 ปี ด้วยสาเหตุอันเกิดแต่ความเจ็บป่วย และได้ปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี (3) ลาออกก่อนครบเกษียณอายุภายใน 5 ปี ด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่จากความเจ็บป่วยและได้ปฏิบัติงานมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี แต่การจ่ายบำนาญจะเริ่มจ่ายเมื่อมีอายุครบเกษียณ ต่อมาในปี 2540 จำเลยประกาศแก้ไขระเบียบเรื่อง เกษียณอายุ กำหนดให้ลูกจ้างชายและหญิงครบเกษียณอายุในวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และ 55 ปีบริบูรณ์ตามลำดับ แม้การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวกระทำโดยนายจ้างฝ่ายเดียว โดยไม่ได้มีการเจ้งข้อเรียกร้องและเจรจาแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 แต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาเกษียณอายุของลูกจ้างหญิงดังกล่าว มีผลทำให้ลูกจ้างหญิงที่มีอายุครบ 50 ปีบริบูรณ์ยังคงมีสิทธิทำงานได้ต่อไปจนถึงอายุ 55 ปี เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ยังมีสิทธิได้รับสวัสดิการเกษียณอายุคามที่กำหนไว้ในระเบียบข้อบังคับ ซึ่งถือว่าลูกจ้างหญิงได้รับผลประโยชน์ดีขึ้นกว่าระเบียบข้อบังคับเดิม นอกจากนี้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 จำเลยประกาศโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นโครงการพิเศษเฉพาะกาล เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ประสงค์จะลาออกก่อนเกษียณอายุ โดยพนักงานที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปหรือมีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการาเกษียณอายุก่อนกำหนดโดยให้ยื่นใบสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2540 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2541 เมื่อจำเลยอนุมัติแล้วจะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นเงินบำนาญรายเดือนหรือเงินบำนาญเป็นก้อนหรือกองทุนเกษียณอายุบวกเงินชดเชยตามกฎหมาย แต่ต่อมาในปี 2541 ยังได้มีการเพิ่มเงินช่วยเหลือการเกษียณอายุงานก่อนครบกำหนด ภายใต้ระเบียบของจำเลยดังกล่าว พนักงานหญิงที่มีอายุ 50 ปีหากไม่ต้องการทำงานกับจำเลยต่อไปก็มีสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนครบกำหนดได้ ลูกจ้างหญิงที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ต่อมาในปี 2542 จำเลยแก้ไขข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานในส่วนของกำหนดอายุเกษียณให้พนักงานหญิงและชายเกษียณอายุเมื่อครบกำหนด 60 ปีบริบูรณ์เท่ากันซึ่งเป็นการแก้ไขให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 15 ที่กำหนดให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างชายและหญิงโดยเท่าเทียมกัน อันเป็นการแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายที่ฝ่ายจัดการมีอำนาจทำได้ ต้องถือว่ามีการแก้ไขข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้พนักงานหญิงและชายเกษียณอายุพร้อมกันเมื่ออายุครบ 60 ปี โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด เป็นโครงการเฉพาะกาลมีกำหนดระยะเวลาในการสมัครเข้าร่วมโครงการ พนักงานมีสิทธิจะได้รับบำนาญก่อนเกษียณอายุต้องยื่นใบสมัครภายในกำหนด แต่โจทก์มิได้ยื่นใบสมัครภายในกำหนด จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญก่อนเกษียณอายุ ส่วนเงินบำนาญเมื่อเกษียณอายุนั้น พนักงานที่มีสิทธิได้รับต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานข้อ 7.1(1) ซึ่งต้องทำงานจนครบเกษียณอายุ หรือพ้นจากการเป็นพนักงานก่อนเกษียณอายุ 5 ปี เนื่องจากเจ็บป่วย หรือลาออกก่อนครบเกษียณอายุภายในระยะเวลา 5 ปี ด้วยเหตุผลอื่นไม่ใช่จากความเจ็บป่วย แต่โจทก์อายุเพียง 53 ปี และจำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากจำเลยประสบภาวะขาดทุนโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติ กรณีของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ในการจ่ายบำนาญเมื่อครบเกษียณตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายบำนาญเมื่อครบเกษียณแก่โจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5795/2546)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น