รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

รับปรึกษาปัญหาคดีแรงงาน

มีปัญหา ข้อสงสัย เกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน เช่น ค่าจ้าง ค่าชดเชย การเลิกจ้าง และอื่น ๆ

ส่งไปที่ takerngch@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

"ไม่ไว้วางใจ" ไม่ใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

การทำงานหากไม่เป็นที่ไว้วางใจจากนายจ้าง ก็มีสิทธิถูกเลิกจ้างได้ ทั้งนี้ การถูกเลิกจ้างดังกล่าวจะถือเป็นเหตุให้ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอกลับเข้าทำงานหรือเรียกค่าเสียหาย โดยอ้างว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมได้หรือไม่ ลองดูคดีข้างล่างนี้

เรื่องมีอยู่ว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายบัตรเครดิตของบริษัท ธ. ซึ่งต่อมาได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ต่อมาประมาณปี 2540 บริษัท ธ. ได้ก่อตั้งบริษัท บ. ขึ้นเพื่อดำเนินกิจการตามนโยบายเกี่ยวกับการทำธุรกรรมด้านบัตรเครดิตโดยเฉพาะ บริษัท ธ. ได้ให้โจทก์ย้ายไปเป็นพนักงานบริษัท บ. โดยให้นับอายุงานติดต่อกัน ต่อมาบริษัท บ. ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โจทก์มีตำแหน่งสุดท้ายเป็นเจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อ มีหน้าที่พิจารณาอนุมัติเงินให้แก่ผู้สมัครบัตรเครดิต ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 27,347.50 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน วันที่ 2 กรกฎาคม 2546 จำเลยได้ให้โจทก์ออกจากงานโดยกล่าวหาว่า โจทก์กระทำความผิดอาญา และทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย ซึ่งไม่เป็นความจริง และเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์ทำงานติดต่อกันมาครบ 10 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 1 เดือน การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ โจทก์ต้องตกงาน มีภาระหนี้สินในการผ่อนชำระที่อยู่อาศัยและต้องดูแลบุตรผู้เยาว์ 2 คน โจทก์ขอเรียกค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้าง 13 เดือน นอกจากนี้จำเลยยังไม่ได้จ่ายเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่โจทก์อันเป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิได้รับโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 271,447 บาท ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลย จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าชดเชย เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2546 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า บริษัทจำเลยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 โจทก์ได้สมัครเข้าเป็นพนักงานของจำเลย จำเลยไม่ได้รับโอนย้ายโจทก์จากการเป็นลูกจ้างของบริษัท ธ. มาเป็นลูกจ้างของจำเลยแต่อย่างใด โจทก์มีตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้พิจารณาสินเชื่อในการอนุมัติวงเงินให้แก่ผู้สมัครบัตรเครดิต ได้รับค่าจ้างอัตราเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท ในระหว่างการทำงานโจทก์อาศัยช่องทางตำแหน่งหน้าที่ของโจทก์ร่วมกันหรือเอื้อผลประโยชน์ให้แก่บุคคลภายนอก โดยพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเขื่อบัตรเครดิตให้แก่บุคคลภายนอกที่ไม่มีคุณสมบัติและโจทก์กับผู้สมัครได้ร่วมกันปลอมเอกสารที่ประกอบการสมัครบัตรเครดิต เพื่อหลอกลวงให้ผู้พิจารณาอนุมัติบัตรหลงเชื่อและอนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตดังกล่าวไป ทั้งโจทก์สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย แต่โจทก์จงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย จำเลยได้ตั้งกรรมการสอบสวนการกระทำความผิดของโจทก์ แล้วมีมติให้โจทก์ออกจากงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เนื่องจากโจทก์ได้กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ โดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของโจทก์ เป็นการกระทำความผิดอาญาต่อนายจ้าง จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลย จำเลยได้บอกเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2546 ให้มีผลตั้งแต่วันดังกล่าวทันที ดังนั้น จำเลยไม่จำต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และค่าเสียหายเพราะเหตุเลิกจ้างไม่เป็นธรรมตามฟ้องแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2546 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในส่วนเงินสมทบของนายจ้างจำนวน 191,447 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัท ธ. ตั้งแต่ปี 2536 ต่อมาโจทก์ได้ยื่นใบสมัครงานต่อจำเลยเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2540 วันที่ 28 มกราคม 2540 จำเลยได้ตกลงว่าจ้างโจทก์เข้าทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สมาชิกบัตร เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2540 เป็นต้นไป โจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 27,347.50 บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันสิ้นเดือน มีประเด็นอุทธรณ์ที่น่าสนใจคือ

1. โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของจำเลยในกรณีร้ายแรงหรือไม่ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า การที่โจทก์พิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตให้แก่ผู้สมัครตามเอกสารหมาย ล. 9 ถึง ล. 29 โดยได้อนุมัติก่อนที่จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ถึงขั้นตอนที่ 4 และไม่ได้ตรวจสอบสถานะของผู้สมัครและเอกสารของผู้สมัครว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและถูกต้องหรือไม่นั้น เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย แต่โจทก์ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของนาย ธ. กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยและนาง ศ. ผู้จัดการซึ่งเป็นหัวหน้างานของโจทก์ เนื่องจากจำเลยได้กำหนดเป้าหมายผู้สมัครบัตรเครดิตในปี 2544 จำนวน 300,000 บัตร และปี 2545 จำนวน 500,000 บัตร โดยโจทก์และพนักงานต้องพิจารณาอนุมัติถึงจำนวน 500 ราย ต่อวันต่อคน และไม่ปรากฏว่าโจทก์กระทำการฝ่าฝืนดังกล่าวเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ใดหรือรับผลประโยชน์จากผู้ใด จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมของจำเลยในกรณีไม่ร้ายแรง เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้ตักเตือนเป็นหนังสือ จึงต้องจ่ายค่าชดเขยให้แก่โจทก์ แต่การที่โจทก์ฝ่าฝืนดังกล่าวนั้นเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย จำเลยสามารถเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน

2. การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ และจำเลยต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่โจทก์หรือไม่ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยมีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติบัตรเครดิตให้แก่สมาชิกได้อนุมัติบัตรเครดิตให้แก่สมาชิกที่นาง ส. เป็นผู้แนะนำ โดยนาง ส. มิได้ค่าแนะนำ แล้วมีการโอนเงินจากนาง ส. ให้แก่โจทก์จำนวน 2 ครั้ง แม้จะไม่ได้ความชัดว่าเป็นเงินส่วนแบ่งจากการแนะนำสมาชิกบัตรเครดิต แต่พฤติกรรมของโจทก์มีเหตุที่จำเลยจะไม่ไว้วางใจให้ทำงานต่อไป จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นการเลิกจ้างที่มีเหตุอันสมควร มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ อุทธรณ์ข้อนี้ฟังขึ้น (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8768/2548)

เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น