เดิมเป็นที่เข้าใจกันตลอดมาว่า ในระหว่างการทดลองงานนายจ้างมีสิทธิบอกเลิกจ้างลูกจ้างเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งหรือบอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกจ้างทราบ แต่ปัจจุบันนี้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน บัญญัติว่า
"มาตรา 17 สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลง เมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้าง โดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ในกรณีที่สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่าย ค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้า ก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน
ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้าง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายจ้างจะยกเหตุตามมาตรา 119 ขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้
การบอกเลิกสัญญาจ้างตามวรรคสอง นายจ้างอาจจ่ายค่าจ้างให้ตามจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวและให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้ และให้ถือว่าการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามวรรคนี้ เป็นการจ่ายสินจ้างให้แก่ลูกจ้างตามมาตรา 582 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่การเลิกจ้างตามมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา 583 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์"
ดังนั้น ความเข้าใจแต่เดิมจึงไม่ถูกต้องแล้ว ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ตามเรื่องที่จะนำมาให้พิจารณากันข้างล่างนี้
เรื่องมีอยู่ว่า โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า จำเลยซึ่งเป็นพนักงานตรวจแรงงาน ได้มีคำสั่งที่ 42/2544 ให้โจทก์จ่ายเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่นาย ช. ลูกจ้างของโจทก์เป็นเงิน 25,000 บาท โจทก์เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ทำสัญญาจ้างแรงงานกับนาย ช. โดยมีเงื่อนไขว่า โจทก์ตกลงรับนาย ช. เข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกบัญชี อัตราค่าจ้างเดือนละ 25,000 บาท เริ่มทำงานวันที่ 2 เมษายน 2544 เป็นต้นไป มีระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 120 วัน ในระยะเวลาทดลองงานโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งเหตุผลของการเลิกจ้าง โดยนาย ช.ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือค่าเสียหายใด ๆ ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2544 ก่อนวันครบกำหนดทดลองงาน โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่นาย ช. โดยให้มีผลในวันที่ 30 มิถุนายน 2544 เนื่องจากได้ทำการประเมินผลการทำงานของนาย ช. แล้ว เห็นว่าไม่ผ่านการทดลองงาน การบอกเลิกจ้างจึงเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาจ้างแรงงานและชอบด้วยกฎหมายแล้ว ประกอบกับสัญญาจ้างดังกล่าวมิใช่สัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคหนึ่ง ขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานดังกล่าวเสีย
พนักงานตรวจแรงงานในฐานะจำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีว่า ตามสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์ตกลงว่าจ้างนาย ช. ให้ทำงานโดยมีระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 120 วัน โดยโจทก์ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า โจทก์จะเลิกจ้างนาย ช. เมื่อใดในระหว่างทดลองงาน ส่วนเงื่อนไขในสัญญาจ้างที่กำหนดให้สิทธิโจทก์บอกเลิกสัญญาจ้างเมื่อใดก็ได้ โดยนาย ช. ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือค่าเสียหายใด ๆ เป็นการกำหนดเงื่อนไขของการจ้างไว้เท่านั้น กรณีจึงเป็นสัญญาจ้างที่มิได้กำหนดระยะเวลาแน่นอน เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญานาย ช. ในระหว่างทดลองงานเพราะไม่ผ่านการทดลองงาน โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง โจทก์จึงต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่นาย ช.เป็นเงิน 25,000 บาท คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 42/2544 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2544
จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า โจทก์ตกลงจ้างนาย ช. เป็นลูกจ้างทดลองงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกบัญชี มีระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 120 วัน เริ่มทำงานวันที่ 2 เมษายน 2544 มีข้อตกลงในสัญญาข้อ 6 ว่า ในระยะเวลาทดลองงาน โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้โดยไม่ต้องแจ้งเหตุผลของการเลิกจ้างและนาย ช. ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือค่าเสียหายใด ๆ ตามสัญญาจ้าง ระหว่างทดลองงานเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2544 โจทก์มีหนังสือบอกเลิกจ้างนาย ช.เพราะไม่ผ่านการทดลองงาน และให้สิ้นสุดการเป็นพนักงานในวันที่ 30 มิถุนายน 2544
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ให้โจทก์จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าชอบหรือไม่ โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้าง โดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า ตามสัญญาจ้างแรงงานกำหนดระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 120 วัน หมายความว่า โจทก์ตกลงจ้างนาย ช. ให้ทำงานโดยมีระยะเวลาทดลองงานไม่เกิน 120 วัน หากผ่านการทดลองงานจะจ้างต่อไป หากไม่ผ่านการทดลองงานโจทก์มีสิทธิเลิกจ้างได้ ย่อมไม่แน่นอนว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดเมื่อใด จึงเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า การบอกเลิกสัญญาจ้างในระหว่างการทดลองงาน โจทก์ จะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่นาย ช. หรือไม่ ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า การบอกเลิกสัญญาจ้างมีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คู่สัญญาย่อมไม่มีสิทธิที่จะตกลงเกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาจ้างเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้น สัญญาจ้างดังกล่าวที่ว่า ในระยะเวลาทดลองงานโจทก์มีสิทธิบอกเลิกจ้างเมื่อใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งเหตุผลของการเลิกจ้าง จึงขัดต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 17 วรรคสอง ไม่มีผลใช้บังคับ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำเลยได้สรุปสำนวนสอบข้อเท็จจริง ประกอบคำวินิจฉัยโดยพิจารณาให้ความเห็นเพียงว่าสัญญาจ้างรายนี้เป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา การเลิกจ้างจึงต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์บอกเลิกสัญญานาย ช. เพราะเหตุว่าในระหว่างการทดลองงานนาย ช.มาทำงานสายเป็นประจำ โดยในช่วงระหว่างวันที่ 2 เมษายน 25454 ถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2544 มาสายถึง 35 ครั้ง โจทก์ให้โอกาสปรับปรุงตัวใหม่ แต่นาย ช. ยังคงประพฤติเช่นเดิม ชอบที่โจทก์จะประเมินผลงานว่านาย ช. ไม่ผ่านการทดลองงาน พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีนาย ช. จงใจขัดคำสั่งของโจทก์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 โจทก์มีสิทธิเลิกจ้างนาย ช. ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคท้าย โจทก์จึงไม่จำต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า คำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานที่ให้โจทก์จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงไม่ชอบ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
หวังว่าคงเข้าใจได้ไม่ยากนะครับ และกรุณาเล่าต่อ ๆ กันให้ได้ทราบด้วยก็จะดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลากับปัญหาเช่นนี้อีก
เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น