สืบเนื่องจากการที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานคือ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสาม ได้บัญญัติยกเว้นให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ในกรณีที่เลิกจ้างลูกจ้างซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและเป็นการเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น จึงเกิดปัญหาโต้แย้งหรือพิพาทกันบ่อย ๆ ว่า สัญญาจ้างเป็นสัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนหรือไม่ ?
ทั้งนี้ตามมาตรา 118 วรรคสี่ ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาตามวรรคสามจะกระทำได้สำหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอนหรือในงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน หรือในงานที่เป็นไปตามฤดูกลาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานนั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกินสองปี โดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง ฉะนั้นการที่จะพิจารณาว่าเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนซึ่งได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย จึงต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ในมาตรา 118 วรรคสี่ ประกอบด้วย ดังเช่นคดีตัวอย่างข้างท้ายนี้
เรื่องมีอยู่ว่า โจทก์ 14 คน ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้ง 14 เป็นลูกจ้าง กำหนดเวลาจ้างครั้งละ 1 เดือน เมื่อครบกำหนดหากจำเลยประสงค์จะจ้างต่อไปจะทำสัญญาจ้างต่อให้ครั้งละ ของจำเลยตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2539 ทำหน้าที่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกแล่ เดือน ต่อมาครบกำหนดตามสัญญาฉบับสุดท้ายจำเลยไม่ต่อสัญญาให้ จึงมีผลเป็นการเลิกจ้างโจทก์ทั้ง 14 โดยโจทก์ทั้ง 14 ไม่มีความผิด โจทก์ทั้ง 14 มีสิทธิได้รับค่าชดเชย รายละเอียดเกี่ยวกับวันเข้าทำงาน อัตราค่าจ้างสุดท้าย วันที่โจทก์ทั้ง 14 ถูกเลิกจ้าง จำนวนค่าชดเชยที่โจทก์แต่ละคนมีสิทธิได้รับ ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์แต่ละสำนวน ขอให้ศาลแรงงานกลางบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แก่โจทก์ทั้ง 14
จำเลยทั้งสิบสี่สำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยมีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการรับเหมาช่วงเกี่ยวกับงานก่อสร้างทุกชนิดและรับเหมาเพื่อจัดหาบุคลากรหรือแรงงานเกี่ยวกับงานที่ใช้แรงงานทุกประเภท จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้ง 14 ทำงานโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งจำเลยได้รับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าจากบริษัท ซ. จำกัด สัญญาว่าจ้างระหว่างจำเลยกับบริษัท ซ. จำกัด เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2545 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2547 รวมระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี สัญญาจ้างโจทก์ทั้ง 14 เข้าทำงานโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินจึงกำหนดระยะเวลาจ้างไว้โดยมีวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดตามสัญญาจ้างแต่ไม่เกิน 2 ปี งานตามสัญญาจ้างโจทก์ทั้ง 14 เป็นงานโครงการมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดแต่ละคนไม่เกิน 120 วัน จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้ง 14 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้ง 14 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 จนกว่าจะได้ชำระเสร็จให้แก่โจทก์แต่ละคน
จำเลยทั้งสิบสี่สำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยประกอบกิจการรับเหมาช่วงเกี่ยวกับงานก่อสร้างทุกชนิดและรับเหมาเพื่อจัดหาบุคลากรหรือแรงงานเกี่ยวกับงานที่ใช้แรงงานทุกประเภท รวมทั้งรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า รับเหมาช่วงแรงงานเพื่อติดตั้งระบบไฟฟ้า จำเลยประมูลงานติดตั้งระบบไฟฟ้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินหรือรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินจากบริษัท ซ. จำกัด เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2545 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2547 โจทก์ทั้ง 14 เป็นลูกจ้างของจำเลยโดยทำสัญญาจ้างกันเป็นหนังสือ เมื่อครบกำหนดในสัญญาฉบับแรกจำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้ง 14 เดือนต่อเดือน จำเลยส่งโจทก์ทั้ง 14 เข้าทำงานติดตั้งระบบไฟฟ้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน โจทก์ทั้ง 14 ได้รับค่าจ้างวันละ 1,200 บาท 600 บาท 220 บาท 500 บาท 1,100 บาท 1,200 บาท 1,300 บาท 500 บาท 320 บาท 320 บาท 320 บาท และ 320 บาท ตามลำดับ ต่อมาเมื่อวันที่30 มิถุนายน 2547 บริษัท ซ. จำกัด ไม่ได้แจ้งให้จำเลยส่งลูกจ้างเข้าไปทำงานติดตั้งระบบไฟฟ้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินอีก จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้ง 14 โดยโจทก์ทั้ง 14 ไม่มีความผิด โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 3 โจทก์ที่ 5 ถึงโจทก์ที่ 11 และโจทก์ที่ 14 ทำงานติดต่อกันมาครบหนึ่งปีแต่ไม่ครบสามปี ส่วนโจทก์ที่ 4 โจทก์ที่ 12 และโจทก์ที่ 13 ทำงานติดต่อกันมาครบหนึ่งร้อยยี่สิบวันแต่ไม่ครบหนึ่งปี คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า สัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้ง 14 เป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน สำหรับการจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลยหรือไม่ ?
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานเห็นว่า จำเลยประกอบกิจการรับเหมาช่วงเกี่ยวกับงานก่อสร้างทุกชนิดรวมทั้งรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า ย่อมหมายความว่า งานรับเหมาช่วงเกี่ยวกับงานก่อสร้างทุกชนิดและงานรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินที่จำเลยประมูลได้จากบริษัท ซ. จำกัด จึงเป็นงานปกติของธุรกิจหรือการค้าของจำเลย ไม่เข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสี่ ที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ทั้งตามสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์ทั้ง 14 ก็ปรากฏว่า เมื่อโจทก์แต่ละคนทำงานครบกำหนดตามสัญญาจ้างแล้ว จำเลยยังได้ทำสัญญากับโจทก์แต่ละคนต่อไปอีกเดือนต่อเดือนจนบริษัท ซ. จำกัด ไม่ได้แจ้งให้จำเลยส่งลูกจ้างเข้าไปทำงานอีก จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้ง 14 แสดงว่าเมื่อสัญญาจ้างระหว่างจำเลยกับโจทก์แต่ละคนครบกำหนดแล้ว จำเลยก็หาได้เลิกจ้างโจทก์ทั้ง 14 ไม่ แต่จัดให้ทำสัญญาใหม่ต่อไปจนกระทั่งมาเลิกจ้างโจทก์ทั้ง 14 ดังกล่าวข้างต้น จึงถึอไม่ได้ว่าเป็นสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนและจำเลยเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ทั้ง 14 ชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7578 - 7591/2548)
เชิญอ่าน "เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงงาน"ที่ http://earlyretire.blogspot.com